‘พริมา มารีน' หรือ PRM ปิดดีลซื้อหุ้น Big Sea ลอตแรก 70% พร้อมรับรู้รายได้และกำไรทันทีหลังเข้าควบรวมกิจการ เชื่อช่วยดันผลงานครึ่งปีหลังแกร่ง มั่นใจเติบโตแบบก้าวกระโดดแน่นอน
ย้อนกลับ02 กรกฎาคม 2561

บมจ. พริมา มารีน ("PRM") ปิดดีลซื้อหุ้น บริษัท บิ๊ก ซี จำกัด (Big Sea) ผู้ประกอบธุรกิจขนส่งน้ำมันสำเร็จรูปทางทะเลรายใหญ่ภายในประเทศ ลอตแรก 70% เป็นที่เรียบร้อย ใช้เงินลงทุนเบื้องต้น 1,400 ล้านบาท ก่อนทยอยซื้อหุ้นส่วนที่เหลืออีก 30% ภายใน 3 ปี คาดการณ์จะใช้เงินลงทุนเพิ่มอีกประมาณ 800 ล้านบาท หรือคาดการณ์มูลค่าโครงการรวมประมาณ 2,000 – 2,300 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงาน ดันอัตราผลตอบแทนการลงทุนโครงการนี้ (IRR) อยู่ที่ 11.7% ช่วยเพิ่มศักยภาพการดำเนินธุรกิจกลุ่มขนส่งน้ำมันดิบทางทะเลและส่วนแบ่งการตลาดพุ่งเป็น 49% หลังได้ฐานลูกค้าจาก Big Sea เข้ามาเพิ่มเติม มองระยะยาวส่งผลดีต่อการเสริมความแข็งแกร่งในการดำเนินงาน รับอุตสาหกรรมขนส่งน้ำมันภายในประเทศที่เติบโตได้ดี

ว่าที่เรือตรี ชาญวิทย์ อนัคกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พริมา มารีน จำกัด (มหาชน) หรือ (PRM) ผู้ให้บริการขนส่งและจัดเก็บน้ำมันดิบ ผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูป ผลิตภัณฑ์น้ำมันกึ่งสำเร็จรูปและปิโตรเคมีเหลวทางเรืออย่างครบวงจรซึ่งเป็นรายใหญ่ที่สุดของประเทศไทย รวมถึงให้บริการเรือขนส่งที่สนับสนุนงานสำรวจและผลิตปิโตรเลียมกลางทะเล และการบริหารจัดการกองเรือของอุตสาหกรรมน้ำมันและปิโตรเคมี เพื่อให้บริการแก่ลูกค้าทั้งในและต่างประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการเข้าซื้อหุ้นบริษัท บิ๊ก ซี จำกัด (Big Sea) ผู้ประกอบธุรกิจขนส่งน้ำมันสำเร็จรูปทางทะเลรายใหญ่ภายในประเทศ ในช่วงที่ 1 จำนวน 252,000 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 70% ของหุ้นทั้งหมด โดยใช้เงินลงทุนประมาณ 1,400 ล้านบาท เสร็จเรียบร้อยแล้ว ส่งผลให้ในไตรมาส 3/61 PRM จะรับรู้รายได้และกำไรจากการดำเนินงานของ Big Sea ทันที ซึ่งส่งผลดีต่อการผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลังของบริษัทฯ เติบโตได้อย่างก้าวกระโดด

ส่วนช่วงที่ 2 PRM จะทยอยเข้าซื้อหุ้น Big Sea ส่วนที่เหลืออีก 108,000 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 30% ของหุ้นทั้งหมด จาก ทีดับบลิวเอทีที ลิมิเต็ด (TWATT Limited) โดยจะทยอยเข้าซื้อหุ้น 10% ต่อปี เป็นระยะเวลา 3 ปี อย่างไรก็ตามสัดส่วนการทยอยซื้อหุ้นช่วงที่ 2 จะพิจารณาจากผลการดำเนินงาน Big Sea เป็นสำคัญ โดยจากการประเมิน ณ ปัจจุบันคาดว่าการซื้อขายหุ้นช่วงที่ 2 จะแล้วเสร็จภายในปี 2564 ซึ่งคาดการณ์จะใช้เงินลงทุนไม่เกิน 800 ล้านบาท เป็นผลให้การเข้าซื้อหุ้น Big Sea ทั้ง 2 ช่วงดังกล่าวจะใช้เงินลงทุนประมาณ 2,000 - 2,300 ล้านบาท และให้อัตราผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) เฉลี่ยอยู่ที่ 11.7%

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PRM กล่าวว่า การซื้อหุ้น Big Sea ครั้งนี้ จะช่วยเสริมศักยภาพกลุ่มธุรกิจเรือขนส่งฯ ภายในประเทศให้เติบโตเท่าตัว โดย PRM จะครองส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับที่ 1 ในการให้บริการขนส่งน้ำมันทางทะเลภายในประเทศ ด้วยส่วนแบ่งการตลาดถึง 49% จากความสามารถการให้บริการเพิ่มขึ้นมากกว่า 5,000 ล้านลิตรต่อปี เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น เช่น เชฟรอน จะมีส่วนแบ่งการตลาดจากเดิม 15% เพิ่มเป็น 43%, เชลล์ จากเดิม 19% เพิ่มเป็น 64%, ไออาร์พีซี จากเดิม 19% เพิ่มเป็น 52% ปตท. จากเดิม 67% เพิ่มเป็น 69% รวมถึงยังขยายฐานลูกค้าใหม่ คือ บางจาก คิดเป็นสัดส่วน 37% ของปริมาณน้ำมันที่ขนทางเรือ

นอกจากนี้ ยังรองรับโอกาสการเติบโตในอนาคตที่ช่วยสนับสนุนศักยภาพการให้บริการของ PRM ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และรองรับอุตสาหกรรมการขนส่งน้ำมันทางทะเลภายในประเทศที่มีอัตราการเติบโต โดยจะช่วยให้บริษัทฯ สามารถบริหารกองเรือตามปริมาณความต้องการใช้บริการที่เพิ่มขึ้น เช่น เส้นทางขนส่งน้ำมันสู่ภาคใต้ที่ขยายตัวจากปริมาณความต้องการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้น หลังอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในพื้นที่มีการเติบโต ซึ่งจะเข้ามาช่วยสนับสนุนผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลังของ PRM ให้เติบโตได้อย่างมีนัยสำคัญ

ทั้งนี้ Big Sea เป็นผู้ดำเนินธุรกิจขนส่งน้ำมันทางทะเลภายในประเทศ ที่มีส่วนแบ่งในธุรกิจดังกล่าวเป็นอันดับ 2 ของประเทศ โดยเป็นเจ้าของกองเรือขนส่งขนาดเล็กจำนวน 13 ลำ ซึ่งมีอายุเรือเฉลี่ย 17.3 ปี ขนาดความจุเฉลี่ยต่อลำอยู่ที่ 2.7 ล้านลิตร รวมความจุทั้งหมดประมาณ 35,000 DWT หรือประมาณ 35 ล้านลิตร โดยมีสัญญาให้บริการกับกลุ่มลูกค้าระยะสั้นไม่เกิน 1 ปีจำนวน 3 ลำ และสัญญาระยะยาวมากกว่า 1 ปีอีก 10 ลำ รวมถึงอยู่ระหว่างดำเนินการต่อเรือขนส่งเพิ่มอีก 1 ลำ ขนาดความจุ 5.3 ล้านลิตร คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2562 เพื่อให้บริการแก่ เชฟรอน หลังได้รับสัญญาเช่าระยะยาวเป็นที่เรียบร้อย