‘PRM' เผยไตรมาส 3/63 ทำกำไรสุทธิ 456.3 ล้านบาทรับกลุ่มธุรกิจ FSU ยังเป็นหัวหอก มั่นใจทั้งปีเติบโตตามแผน พร้อมอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลงวด 9 เดือนแรก ในอัตรา 0.07 บาทต่อหุ้น
ย้อนกลับ13 พฤศจิกายน 2563

‘บมจ. พริมา มารีน’ หรือ (“PRM”) โชว์ผลงานไตรมาส 3/63 ทำกำไรสุทธิ 456.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 58.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หนุน 9 เดือนแรกปีนี้ทำกำไรสุทธิ 1,243.1 ล้านบาท เน้นการบริหารจัดการกองเรืออย่างมีประสิทธิภาพ สร้างผลตอบแทนจาการดำเนินงานสูงสุด โดยยังมีกลุ่มเรือ FSU เป็นพระเอก มั่นใจทั้งปีเติบโตได้ตามเป้าหมาย ด้านบอร์ดอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลงวดผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกปีนี้ในอัตราหุ้นละ 0.07 บาท

นายวิริทธิ์พล จุไรสินธุ์ ผู้อำนวยการสายงานการเงินและบัญชี บริษัท พริมา มารีน จำกัด (มหาชน) (“PRM”)ผู้ให้บริการขนส่งและจัดเก็บผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและปิโตรเคมีเหลวทางเรือรายใหญ่ที่สุดของประเทศไทย เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2563 (กรกฎาคม-กันยายน 2563) ว่าบริษัทฯ มีรายได้รวม 1,508.2 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 456.3 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนจะมีรายได้และกำไรเพิ่มขี้น 8.57% และ 58.1% ตามลำดับ

โดยมีปัจจัยมาจากกลุ่มธุรกิจเรือขนส่งและกักเก็บปิโตรเลียมกลางทะเล (“กลุ่มธุรกิจเรือ FSU”) ที่มีการปรับอัตราค่าบริการตั้งแต่ช่วงต้นปี และมีการให้บริการเต็ม 100% สอดคล้องกับความต้องการในการกักเก็บและผสมน้ำมันที่ยังมีความต้องการใช้สูง

ขณะที่กลุ่มธุรกิจเรือขนส่งน้ำมันสำเร็จรูปในประเทศ ยังคงปรับตัวให้สอดคล้องกับความต้องการใช้น้ำมันในประเทศ โดยยังคงรักษาอัตราการใช้เรือของกลุ่มบริษัทฯ หรือ Utilization rate ให้มากกว่า 90% ซึ่งจะมีระดับความสามารถในการทำกำไรมากกว่าการจ้างเรือภายนอก ประกอบกับกลุ่มธุรกิจอื่นๆ ยังคงรักษาความสามารถในการดำเนินงานที่ดี ทำให้ผลการดำเนินงานของ PRM ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ (มกราคม-กันยายน 2563) ที่มีรายได้รวม 4,508.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.2% และมีกำไรสุทธิ 1,243.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2563 มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากกำไรสะสมที่ยังไม่ได้จัดสรรสำหรับผลประกอบการ 9 เดือนแรก สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2563 ให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.07 บาท โดยจ่ายจากกำไรสุทธิส่วนที่ไม่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน 0.038 บาทต่อหุ้น และที่เหลือจ่ายจากส่วนที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน (BOI) อีก 0.032 บาทต่อหุ้น ซึ่งผู้ได้รับเงินปันผลจะไม่ได้รับเครดิตภาษีในส่วนนี้ โดยบริษัทฯ จะกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2563 และกำหนดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในวันที่ 9 ธันวาคม 2563

ผู้อำนวยการสายงานการเงินและบัญชี PRM กล่าวว่า ถึงแม้ว่าในปี 2563 ประเทศไทยประสบกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของ Covid-19 แต่กลุ่มบริษัทฯ มั่นใจในศักยภาพและการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง ซึ่งจะผลักดันการเติบโตในปีนี้ให้เป็นไปตามแผน และรวมถึงมุ่งมั่นในการขยายธุรกิจให้สอดคล้องกับสถานการณ์ของอุตสาหกรรมในอนาคตอีกด้วย